ผู้เขียน: sornram

ตำรวจปทุมวันตามคืนกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ก่อนบินกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 68
พลเมืองดีเก็บกระเป๋าของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ทำหล่นหาย และนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันเพื่อส่งคืนเจ้าของ หลังจากตรวจสอบทรัพย์สินพบบัตรประชาชน บัตรเครดิต และเงินสดจำนวนหนึ่ง พนักงานสอบสวนจึงประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อติดตามตัวเจ้าของกระเป๋า
ต่อมาในวันที่ 9 ก.พ. 68 พบว่าเจ้าของกระเป๋ากำลังจะเดินทางกลับไต้หวัน จึงได้ติดตามให้มารับกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่องกลับประเทศ.

ดำเนินการขับเคลื่อน 16 โครงการสำคัญเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
6 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป
ตามข้อสั่งการของ
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ป้องกันและปราบปราม 1-3)
ดำเนินการขับเคลื่อน 16 โครงการสำคัญเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 ( รรท.ผกก.สน.ปทุมวัน)
พ.ต.ท.ศักดิ์ชัย อยู่รักษ์ รอง ผกก.ป.สน.ปทุมวัน
มอบหมายให้
พ.ต.ต.จุมภฏ หอมหวาน สวป.(ชส)สน.ปทุมวัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์, เจ้าหน้าที่สายตรวจ
ตรวจเยี่ยมชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบ
– ชุมชนวัดบรมนิวาส
เพื่อสร้างความไว้วางใจแสวงหาความร่วมมือ รับฟังปัญหา ประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชนและประชาชนในพื้นที่
-เข้านมัสการพระครูปัญญาวิวัฒน์ ผช.เจ้าอาวาส วัดบรมนิวาสและ พระมหาทองสืบ เลขาฯเจ้าอาวาสวัดบรมฯ
-ประสานเพื่อดำเนินการโครงการวัดสีขาวฯและขอสถานที่เพื่อจัดตั้งศูนย์ ดำเนินงานโครงการตำบลบำบัดฯ
ตามนโยบายขับเคลื่อน นโยบายด้านยาเสพติด 16 โครงการ
* โครงการที่ 10 วัดสีขาว ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในวัด 100 %
* โครงการที่ 16 ค้นหาผู้เสพในชุมชนเข้ารับการบำบัดรักษา และได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เพื่อเข้าบำบัดรักษา
ดำเนินการตามนโยบาย 16 โครงการที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
– โดยสุ่มตรวจหาสารเสพติดกลุ่มเยาวชนในพื้นที่จำนวน 15 ราย ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ
ณ ชุมชนวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ณ วัดบรมนิวาสฯ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร





ตร.สืบปทุมวัน จับผู้ต้องหา ข้อหา “จำหน่ายยาเสพติด”
วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 5 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 22.45 น.
ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน![]()
ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.บก.น.6 รรท. ผกก.สน.ปทุมวัน,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.นพดล สินศิริ สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน จับกุมผู้ต้องหา
ได้จับกุม นายชาญวิทย์ หรือ ตั้ม บุญเจริญ อายุ 38 ปี สัญชาติ ไทย
ข้อหา
“จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่1(เมทแอมเฟตามีน)โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
พร้อมด้วยของกลาง
1. ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ( ไอซ์ ) จำนวน 0.9 กรัม ลักษณะเป็นเกล็ด สีขาวขุ่น บรรจุอยู่ในถุงขนาดเล็กมากและมีการรนไฟปิดที่บริเวณปากถุงไม่สามารถชั่งแยกได้ จำนวน 2 ถุง ซึ่งบรรจุรวมอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ถุง(ได้จากการล่อซื้อ )
2. ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 2 เม็ด ลักษณะกลม เล็กแบน สีส้ม มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ WY บนเม็ดยาด้านหนึ่ง ซึ่งซ่อนไว้ในซองพลาสติก(ซองใสใส่บัตรประชาชน)(ได้จากการล่อซื้อ )
3. เงินที่ใช้ในการล่อซื้อ ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ อันประกอบด้วยหมายเลขธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท รวมจำนวน 200 บาท ตรวจค้นได้กระเป๋ากางเกงยีนส์หน้าข้างซ้ายของผู้ถูกจับสวมใส่ในขณะจับกุม (ส่งเฉพาะสำเนาธนบัตร ฉบับจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเก็บรักษาไว้)
4. รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่ลงไว้เพื่อการล่อซื้อ ยาเสพติดฯ ลำดับ 11 ลงวันที่ 5 ก.พ. 2568 เวลา 22.35 น. พร้อมสำเนาธนบัตรธนบัตรรัฐบาลไทยฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ
สถานที่จับกุม บริเวณทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม ตำบลรองเมือง อำเภอเขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งสายลับ (ขอปกปิดนาม) ว่านายตั้ม (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) รูปร่างผอม ผิวดำ-แดง สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผมสั้นรองทรง มีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้แก่บุคคลทั่วไปเป็นประจำบริเวณทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางมาพบ ร.ต.ท.วีระเดช อาศัยป่า รอง สว.(สส.)สน.ปทุมวันฯ แจ้งว่าตนเองสามารถล่อซื้อยาเสพติดได้ จึงได้รายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อวางแผนเข้าทำการล่อซื้อจับกุมโดยการล่อซื้อ จากนั้นจึงได้นำธนบัตรฉบับรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ รวมจำนวน 200 บาท มาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ตามบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี ข้อที่ 11 เวลา 22.35 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 โดยก่อนที่สายลับจะไปทำการล่อซื้อร.ต.ท.วีระเดชฯได้ทำการขอตรวจสอบและตรวจค้นตัวของสายลับ(ขอปกปิดนาม)ก่อนแล้ว และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ร.ต.ท.วีระเดชฯ จึงได้มอบ ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วนั้น ให้กับสายลับไปทำการล่อซื้อ ซึ่ง ร.ต.ท.วีระเดชฯ ได้แจ้งแก่สายลับว่าหากทำการซื้อขายยาเสพติดเสร็จสิ้นแล้ว ให้สายลับนำยาเสพติดที่ได้จากการล่อซื้อมามอบให้ ร.ต.ท.วีระเดชฯ ตามจุดที่ได้นัดหมายบริเวณริมถนนข้างสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งเป็นจุดที่ใกล้เคียง เพื่อยึดไว้เป็นของกลางในคดี จากนั้นสายลับ(ขอปกปิดนาม) ได้เดินทางไปทำการล่อซื้อยาบ้ากับนายตั้มฯที่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบ ต่อมาสายลับได้เดินไปซื้อล่อยาเสพติดที่นายตั้มฯ บริเวณทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษมฯ และได้ส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าได้ทำการล่อซื้อยาเสพติดเสร็จสิ้นแล้ว โดยนำยาบ้า จำนวน 2 เม็ดและยาไอซ์ 1 ถุง ที่ได้จากการล่อซื้อในราคา 200 บาท มามอบให้ร.ต.ท.วีระเดชฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เข้าทำการเข้าจับกุม นายตั้มฯที่นั่งอยู่บริเวณดังกล่าวไว้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและร.ต.ท.วีระเดชฯ ได้แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้แก่นายนายชาญวิทย์ หรือ ตั้ม บุญเจริญ (ทราบชื่อ-สกุลภายหลัง) ทราบและดู จนเป็นที่พอใจแล้วและในที่เกิดเหตุมีแสงไฟส่องสว่างมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะ 10 เมตร จากนั้น ร.ต.ท.วีระเดชฯ ได้ขอทำการตรวจค้น โดยก่อนที่จะทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้แก่นายนายชาญวิทย์ หรือ ตั้ม บุญเจริญ ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงลงมือทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหน้าข้างซ้ายมือ ซึ่งนายชาญวิทย์ หรือ ตั้ม บุญเจริญ สวมใส่อยู่ขณะทำการตรวจค้น จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารรภาพว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติดให้แก่สายลับก่อนหน้านี้ “จริง” จากนั้น ร.ต.ท.วีระเดชฯ ได้นำสำเนาภาพถ่ายธนบัตรที่ได้ลงประจำวันไว้มาตรวจสอบต่อหน้าผู้ถูกจับพบว่ามีหมายเลขตรงกับธนบัตรที่ยึดได้จากผู้ถูกจับจริง จำนวน 2 ฉบับ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายพันฯทราบว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่1(เมทแอมเฟตามีน)โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้การว่าได้ ไปซื้อยาเสพติดมาจากนายอู๋ ซอยวัดไผ่ตัน (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 35-40 ปี ภายในชุมชนวัดไผ่ตัน จำนวน 12 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 1 ถุง ในราคา 400 บาท แล้วมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไปในราคาเม็ดละ 50 บาท พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย ให้ นายชาญวิทย์ หรือ ตั้ม บุญเจริญ ผู้ถูกจับกุม ทราบและเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป
บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย



























