ผู้เขียน: sornram

สืบปทุมวัน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ “คดีร่วมกันฉ้อโกง”

วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 23 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 17.13 น.

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำเนิน สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 1 คน

1. นางศิริวรรณ หรือ ปุ้ย คชมิตร อายุ 47 ปี สัญชาติ ไทย ที่อยู่ 56 ม.4 ต.หนองหลวง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

ข้อหา

“ร่วมกันฉ้อโกง ตามหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 153/2563 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2563”

พร้อมด้วยของกลาง ไม่มี

สถานที่จับกุม บริเวณโถงทางเดินชั้น 5 แฟลตยานนาวา แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ ตามวันและเวลาที่จับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ(ขอปิดนาม) ว่าได้พบ นางศิริวรรณ คชมิตร อายุ 47 ปี ได้พักอาศัยอยู่ที่แฟลตยานนาวา แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่แฟลตยานนาวาและได้พบ นางศิริวรรณ คชมิตร อายุ 47 ปี บริเวณโถงทางเดินชั้น 5 ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 153/2563 ลงวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2563 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบถาม นางศิริวรรณ คชมิตร ได้ให้การว่าตนคือ นางศิริวรรณ คชมิตร “จริง” เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบ และนำสำเนาหมายจับแสดงให้ นางศิริวรรณ คชมิตร ผู้ถูกจับ นางศิริวรรณ คชมิตร รับว่าตนเป็นบุคคลคนเดียวกับหมายจับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำตัวนางศิริวรรณฯ มาที่

สน.ปทุมวัน ทำบันทึกจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย

สืบปทุมวันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ “คดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”

วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม
22 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 20.20 น.

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำเนิน สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน จับกุมผู้ต้องหา

ได้จับกุม น.ส.ณัฎสลิลา จำปาดะ อายุ 52 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 25 ซอยประชาอุทิศ 75 แยก 5 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร

ข้อหา
“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 884/2567 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2567

สถานที่จับกุม หน้าสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม) ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับนี้ได้ปรากฎตัวอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ น.ส.ณัฎสลิลา จำปาดะ (ทราบชื่อ สกุล ภายหลังจับกุม) ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตามที่สายลับแจ้ง และตรงกับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 884/2567 จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้ดู ซึ่งผู้ถูกจับรับว่าตนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และได้แจ้งสิทธิต่างๆให้ผู้ถูกจับทราบ ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุ่มวัน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด

วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 21 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 18.04 น.

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำเนิน สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 1 คน

1. นายธเนตร หรือ ซี สุทธิสุนทร อายุ 28 ปี สัญชาติ ไทย ที่อยู่ 32/18 ตรอกวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม.

ข้อหา

“สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 42/2566 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566”

พร้อมด้วยของกลาง ไม่มี

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องเลขที่ 32/18 ตรอกวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ ก่อนการจับกุม (21 มี.ค.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม) ว่าที่บริเวณ หน้าห้องเลขที่ 32/18 ตรอกวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร จะมีผู้ต้องหาตามหมายจับชื่อนายธเนตร หรือ ซี สุทธิสุนทร อายุประมาณ 28 ปี มาปรากฎตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบและเดินทางไปยังบริเวณตามที่สายลับแจ้ง พอไปถึงบริเวณหน้าห้องเลขที่ 32/18 ตรอกวัดบรมนิวาส ฯ พบชายไทย ลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ระบุในหมายจับฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบถาม ผลปรากฏว่าชายไทยคนดังกล่าวแจ้งว่า ตนชื่อ นายธเนตร หรือ ซี สุทธิสุนทร อายุ 28 ปี สัญชาติ ไทย หมายเลขประจำตัวประชาชน 1-1007-02390-75-2 ซึ่งตรงตามหมายจับฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ 42/2566 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่ง นายธเนตร หรือซีฯ ยอมรับว่าตนคือบุคคลที่ปรากฏในหมายจับฯจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและแจ้งสิทธิ์ฯให้ นายธเนตร หรือซีฯ ทราบและควบคุมตัวมาที่ สน.ปทุมวัน ทำบันทึกจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉิมพลี จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน บุกรวบ 2 ผัว-เมีย หัวจ่ายยาเสพติด

วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 21 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 06.00 น.

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำเนิน สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

นำหมาย ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 33/2568 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2568เข้าค้นบ้านเลขที่ 13 ตรอกเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน

1. นายบุญเที่ยง หรือจั๋ม ไทรชมภู ไทย/ไทย อายุ 34 ปี ที่อยู่ 37 หมู่ที่ 9 ต.บางไทรป่า อ.บางเลน จ.นครปฐม

2. น.ส.สมฤดี หรือต้อง ทักษ์ศิริ ไทย/ไทย อายุ 38 ปี ที่อยู่ 13 ตรอกเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

ข้อหา

“ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า”

พร้อมด้วยของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ( ไอซ์ ) จำนวนรวม 18.69 กรัม

2. ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 627 เม็ด

3.ถุงแบ่ง จำนวน 21 ใบ

4.รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน

5.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

สถานที่จับกุม ภายในห้องเช่าเลขที่ 29/97 ห้องที่ 6 ซอยพระราม6 ซอย13 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ (ขอปิดนาม) ว่าที่บริเวณบ้านเลขที่ 13 ตรอกเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายบุญเที่ยง หรือจั๋ม ไทรชมภูมีพฤติกรรมชอบโชว์อาวุธปืนข่มขู่ชางบ้านทั่วไปเป็นประจำ และมีพฤติการณ์ร่วมกับแฟนสาวคือน.ส.สมฤดี หรือต้อง ทักษ์ศิริ ในการจำหน่ายยาเสพติดให้กับผู้เสพในชุมชนเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาวันนี้(21 มี.ค.68)เวลาประมาณ 06.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ได้นำหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 33/2568 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 13 ตรอกเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯพบนายจินดา ทักษ์ศิริ ผู้ครอบครองบ้านได้นำตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากการสอบถามนายจินดาฯ ให้ข้อมูลว่า น.ส.สมฤดีฯกับนายบุญเที่ยงฯ หลบไปพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าที่บ้านเลขที่ 29/97 ห้องที่ 6 ซอยพระราม6 ซอย 13 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ไปตรวจสอบ พบ นายบุญเที่ยง หรือจั๋ม ไทรชมภู และ น.ส.สมฤดี หรือต้อง ทักษ์ศิริ อยู่ที่ห้องพักดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย ร.ต.อ.อมร โนนมะหิง รองสว.สสฯ ได้แสดงบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เลขประจำตัว 6604179 และแจ้งวัตถุประสงค์ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวข้างต้นวางอยู่ที่พื้นในห้องข้างที่นอนของผู้ถูกจับทั้งสองคน สอบถามให้การรับสารภาพว่ายาเสพติดทั้งหมดเป็นของตนทั้งสองคนจริง มีไว้เพื่อจำหน่ายให้กับผู้เสพทั่วไปที่มาติดต่อซื้อ โดยในเวลากลางวัน ตนทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 13 ตรอกเจริญนิวาส แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวันจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน

วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 21 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 20:26 น.

ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศิริชาติ จันทร์พรมมา ผกก.สน.ปทุมวัน ,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.วิรัตน์ ดำเนิน สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน

ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 1 คน
1. นาย สราวุธ หรือ เอ พิจารณา อายุ 37 ปี สัญชาติ ไทย ที่อยู่ 107 ซ.อนามัยงามเจริญ 25 แยก 2-5 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ

ข้อหา
“มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์และยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน,พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันสมควร”

ของกลาง
1.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแบบ เปิด-ปิด น้ำหนักรวมถุง 2.2 กรัม ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำซึ่งผู้ถูกจับสะพายอยู่ในขณะตรวจค้นจับกุม
2.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ด ลักษณะกลม เล็กแบน มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ WY บนเม็ดยาด้านหนึ่ง สีล้มบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแบบ เปิด-ปิด จำนวน 92 เม็ด ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำซึ่งผู้ถูกจับสะพายอยู่ในขณะตรวจค้นจับกุม
3.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) จำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำซึ่งผู้ถูกจับสะพายอยู่ในขณะตรวจค้นจับกุม
4.กระเป๋าสะพายสีน้ำตายเข้ม จำนวน 1 ใบ

สถานที่จับกุม ริมถนน ซอยจุฬาฯ 7 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ในการจับกุม ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจภายในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ได้มาพบนายสราวุธหรือเอ พิจารณา(ทราบชื่อสกุลภายหลัง) ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีท่าทางมีพิรุธ รุกรี้รุกรนน่าสงสัยและพยายามจะเดินเลี่ยงหนี ต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ในครอบครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจค้น นายสราวุธหรือเอ พิจารณา(ทราบชื่อภายหลัง) ก่อนตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ถูกจับกุมดูจนเป็นที่พอใจแล้วจึงทำการตรวจค้น ซึ่งในจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น เป็นจุดที่มีแสงสว่างเพียงพอ และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผลการตรวจค้นพบ ของกลางรายการที่ 1-3 ถูกซุกซ่อยอยู่ภายในกระเป๋าสะพายสีดำ(ของกลางรายการที่ 4) อันประกอบด้วย 1.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 92 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบ เปิด-ปิด 2.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาไอซ์) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบ เปิด-ปิด น้ำหนักรวมถุง 2.2 กรัม และ 3.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปืนปากกา) จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า“มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์และยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ครอบครองอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน,พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันสมควร”
จากการสอบถาม นายสราวุธหรือเอ พิจารณา ได้ให้การรับสารภาพและให้การว่าได้ไปซื้อยาเสพติดมาจากนนายนัส (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) รูปร่างผอม-สูง อายุประมาณ 35-40 ปี โดยได้ซื้อขายกันที่ถนนเรียบทางด่วนกาญจนาภิเษก ปากซอยพุทธบูชา 36 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ โดยซื้อยาบ้า 92 เม็ด ในราคา 1,500 บาท และยาไอซ์ น้ำหนัก 2 กรัม ในราคา 500 บาท รวม 2,000 บาท และตนได้นำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์มาจากที่บ้านเพื่อติดตัวไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

บันทึกมาตรา 22 และ 23 ส่งในระบบเรียบร้อย

ปทุม6-0 พร้อมกำลังจนท.จราจรว.4ว.10 กวดขันวินัยจราจรรถจอดกีดขวาง ถ.บรรทัดทองและอำนวยการจราจร

วันนี้ 15 มี.ค.68
เวลาประมาณ 16.30 น.

ปทุม6-0 พร้อมกำลังจนท.จราจร
ว.4ว.10 กวดขันวินัยจราจร
รถจอดกีดขวาง ถ.บรรทัดทอง
และอำนวยการจราจร

ช่วยเหลือประชาชน แนะนำข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.เช็คฯ

วันที่ 11 มี.ค.68

ร.ต.ท.ธีรภัทร์ รุ้งรุ่งรัศมี ให้การช่วยเหลือประชาชน แนะนำข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.เช็คฯ