
จับแล้ว 2 ผัวเมียแสบ ร่วมกันขโมยรถ จยย. ในโรงพยาบาล
วัน/เดือน/ปี ที่จับกุม 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 15.05 น.
ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน![]()
ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง รอง ผบก.น.6 รรท. ผกก.สน.ปทุมวัน,พ.ต.ท.ศตวรรธน์ เกียรติสกุลทอง รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.นพดล สินศิริ สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.พิมาล ไพรวิจารณ์ สว.สส.ฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน จับกุมผู้ต้องหา
ได้จับกุม 1.นายทรงเกียรติ นักธรรม อายุ 31 ปี
2.น.ส.วาสนา นางาม อายุ 30 ปี
ข้อหา
“ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมฯ”
พร้อมด้วยของกลาง
1.รถจักยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า R 15 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 5กก-7198 กทม.(รถของผู้เสียหาย)
2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า GT 125 สีน้ำเงิน-ขาว หมายเลขทะเบียน 1กต-5153 ยโสธร (ใช้ในการก่อเหตุและหลบหนี)
3.เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ(15 ก.พ.68)ของ น.ส.วาสนา นางาม ประกอบด้วย 1.เสื้อแขนสั้นพิมพ์ลายสีชมพู 2.กางเกงขาสั้นสีโอรส 3.รองเท้าแตะสีขาว
4.เสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุ(15 ก.พ.68)ของ นายทรงเกียรติ นักธรรม ประกอบด้วย 1.เสื้อคอปกแขนยาวสีดำ 2.กางเกงขายาวสีดำ 3.รองเท้าหุ้มส้นสีน้ำตาล 4.นาฬิกาข้อมือสีดำ
5.โทรศัพท์ ยี่ห้อ OPPO A18 สีดำ หมายเลขอีมี่ 867003069484190 พร้อมกับซิมการ์ดหมายเลข 095-5859916 เครือข่าย AIS ของ น.ส.วาสนา นางาม ที่ใช้ในการติดต่อซื้อขายรถจักรยานยนต์(ของกลางรายการที่ 1)กับ น.ส.ศริญญา บุดสีดี
6.โทรศัพท์ ยี่ห้อ Xiaomi A1 สีดำ หมายเลขอีมี่ 867559032317262 พร้อมกับซิมการ์ดหมายเลข 069-7718824 เครือข่าย TRUE-H
สถานที่จับกุม ภายในกลางซอยซอยพระราม 6 ซอย 13 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯต่อเนื่องกลางซอยยศเส แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ เนื่องด้วยวันที่ 15 ก.พ. 2568 เวลา 10.43 น. ตาม ปจว.ข้อที่ 4 นายขวัญชัย สายสอน (1350400080741) อายุ 35 ปี(ผู้เสียหาย)ได้มาพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.45 น. ของวันที่ 14 ก.พ. 2568 ตนได้ขับขี่จักยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า R 15 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 5กก-7198 กทม. ไปจอดไว้ที่บริเวณหน้าตึก สธ. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ต่อมาวันที่ 15 ก.พ. 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ผู้แจ้งได้กลับมาที่รถจักยานยนต์ พบว่ารถจักรยานยนต์ของตนได้หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ พบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 2 คน เป็นชายและหญิง ซึ่งชายไทย มีรูปร่างสันทัด สูงประมาณ 170-175 ซม. ใส่หน้ากากอนามัยสีขาว สวมเสื้อคอปกแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สวมนาฬิกาข้อมือสีดำที่แขนซ้าย สวมรองเท้าหุ้มส้นสีน้ำตาล มาพร้อมกับหญิงไทย รูปร่างอ้วน สูงประมาณ 150 ซม. ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ สวมเสื้อแขนพิมพ์ลายสั้นสีชมพู สวมกางเกงขาสั้นสีโอรส สวมรองเท้าแตะสีขาว ได้เข้ามาที่จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าตึก สธ. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาเวลาประมาณ 04.12 น. ชายหญิงทั้ง 2 คน ได้ช่วยกันยันรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายออกไป โดยผู้ชายจะเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า GT 125 สีน้ำเงิน-ขาว หมายเลขทะเบียน 1กต-5153 ยโสธร และผู้หญิงจะเป็นคนขับขี่จักรยานยนต์ของผู้เสียหายออกไปจากบริเวณจุดที่ผู้เสียหายได้จอกรถไว้ จากการสืบสวนและติดตามอย่างต่อเนื่องพบว่า ชายและหญิงที่ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ได้นำจักรยานยนต์ที่ลักมาได้มาจอดไว้ในซอยพระราม 6 ซอย 10 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
วันนี้(17 ก.พ. 2568) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวันซึ่งได้ทำการสืบสวนติดตามมาอย่างต่อเนื่อง พบนายทรงเกียรติ นักธรรม(ทราบชื่อสกุลภายหลัง) กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า R 15 สีน้ำเงิน ออกจากซอยพระราม 6 ซอย 10 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ไปที่ซอยพระราม 6 ซอย 13 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงติดตามไป พบนายทรงเกียรติ นักธรรม(ทราบชื่อสกุลภายหลัง) บริเวณกลางซอย กำลังทำการเจรจาซื้อขายรถจักรยานยนต์อยู่กับ น.ส.ศริญญา บุดสีดีและน.ส.เพริดพริ้ง ผิวจันทร์(ผู้มารับส่งมอบเงินและรถจักรยานยนต์) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนและแสดงบัตรเพื่อขอตรวจสอบจักรยานยนต์คันดังกล่าว ก่อนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ จนนายทรงเกียรติฯเป็นที่พอใจ จากการตรวจสอบพบว่าจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นจักรยานยนต์คันเดียวกับที่นายขวัญชัยฯ(ผู้เสียหาย) ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2568 ซึ่งจากการสืบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่า นายทรงเกียรติฯ คือบุคคลที่ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า R 15 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 5กก-7198 “จริง” เมื่อมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้น แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ หากไม่ทำการจับกุมในทันทีเชื่อได้ว่า นายทรงเกียรติฯ น่าจะทำการหลบหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหาและพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือนำพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกำหมายให้ทราบ จาการสอบถามนายทรงเกียรติฯรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุ “จริง” และให้การรับด้วยความสมัครใจและได้พาชี้ยืนยันตัว น.ส.วาสนา นางาม(ผู้หญิงที่พบในภาพที่ได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ)เป็นผู้ช่วยในการนำรถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุ ที่กลางซอยยศเส แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงพบ น.ส.วาสนา นางาม กำลังเดินอยู่บริเวณกลางซอยยศเส เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือนำพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากการสอบถาม น.ส.วาสนาฯ ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุร่วมกับนายทรงเกียรติฯในการลักรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าตึก สธ. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ “จริง” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหามาเพื่อจัดทำบันทึกจับกุม และ นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีต่อไป
